วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

รุ้งกินน้ำสวยๆจากทั่วโลก

 
รุ้งกินน้ำสวยๆจากทั่วโลก

กระบวนการเกิดรุ้งกินน้ำในธรรมชาติ เป็นอย่างนี้นะคะ
  • แสงเดินทางมาถึงหยดน้ำ
  • แสงเกิดการหักเห เนื่องจากมีการเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่มีความหนาแน่นต่างกัน (จากอากาศสู่น้ำ) โดยแสงสีน้ำเงินจะหักเหมากกว่าแสงสีแดง
  • แสงเกิดการสะท้อนภายในหยดน้ำ เนื่องจากผิวภายในของหยดน้ำ มีความโค้งและผิวคล้ายกระจก
  • แสงเกิดการหักเห จากภายในหยดน้ำผ่านสู่อากาศอีกครั้ง
เมื่อดูโดยรวม มุมสะท้อนของแสงสีแดง คือ 42 องศา ในขณะที่มุมสะท้อนของ แสงสีน้ำเงิน คือ 40 องศา

รุ้งกินน้ำสวยๆจากทั่วโลก

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2560

พลังงานแสงอาทิตย์



พลังงานแสงอาทิตย์

                ดวงอาทิตย์ให้พลังงานจำนวนมหาศาลแก่โลกของเรา พลังงานจากดวงอาทิตย์จัดเป็น
พลังงานหมุนเวียนที่สำคัญที่สุด เป็นพลังงานสะอาดไม่ทำปฏิกิริยาใดๆอันจะทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
เซลล์แสงอาทิตย์จึงเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางอิเล็คทรอนิคส์ชนิดหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้ผลิตไฟฟ้า
เนื่องจากสามารถเปลี่ยนเซลล์แสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรงส่วนใหญ่เซลล์แสงอาทิตย์
ทำมาจากสารกึ่งตัวนำพวกซิลิคอนมีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็น
พลังงานไฟฟ้าได้สูงถึง 44 เปอร์เซนต์
                ในส่วนของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงได้รับพลังงาน
จากแสงอาทิตย์ในเกณฑ์สูง พลังงานโดยเฉลี่ยซึ่งรับได้ทั่วประเทศประมาณ
4 ถึง 4.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตารางเมตรต่อวัน ประกอบด้วยพลังงานจากรังสีตรง (Dir ect Radiat ion )
ประมาณ 50 เปอร์เซนต์ ส่วนที่เหลือเป็นพลังงานรังสีกระจาย (Diffused Radiation)
ซึ่งเกิดจากละอองน้ำในบรรยากาศ(เมฆ)ซึ่งมีปริมาณสูงกว่าบริเวณที่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรออกไปทั้งแนว
เหนือ - ใต้

พลังงานจากดวงอาทิตย์
          ใน 1 ชั่วโมง โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ประมาณ 174 [petawatts], 30% ของพลังงานนี้ถูกสะท้อนกลับไปในอวกาศ ที่เหลิอถูกดูดซับโดยเมฆ มหาสมุทรและพื้นดิน คิดเป็น 3,850,000 [exajoules] ต่อปี ประมาณว่า พลังงานนี้ใน 1 ชั่วโมงมีปริมาณเกือบเท่ากับพลังงานที่โลกใช้ทั้งปี (510 EJ ในปี 2009)

                พลังงานนี้เป็นต้นกำเนิดของวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตในโลก ทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำและธาตุต่าง ๆ เช่น คาร์บอน พลังงานแสงอาทิตย์จัดเป็นหนึ่งในพลังงานทดแทน หรือ พลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพสูง ปราศจากมลพิษ อีกทั้งเกิดใหม่ได้ไม่สิ้นสุด และยังเป็นต้นกำเนิดของพลังงานน้ำ (จากการทำให้น้ำกลายเป็นไอและลอยตัวขึ้นสูง พลังงานน้ำที่ตกกลับลงมาถูกนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า) เป็นต้นกำเนิดของพลังงานเคมีในอาหาร (พืชสังเคราะห์แสง เปลี่ยนแร่ธาตุให้เป็นแป้งและน้ำตาล ซึ่งสามารถให้พลังงานแก่มนุษย์และสัตว์ชนิดต่าง ๆ) เป็นต้นกำเนิดของพลังงานลม (ทำให้เกิดความกดอากาศและทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของอากาศ) และเป็นต้นกำเนิด พลังงานคลื่น(ทำให้น้ำขึ้น-ลง)


การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยวิธี โฟโตโวลตาอิคส์ หรือ solar photovoltaic

                เป็นการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยใช้เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell หรือ Photovoltaic cell (PV)) ซึ่งถูกผลิตครั้งแรกในปี พ.ศ. 2426โดย Charles Fritts โดยใช้ธาตุ ซีลีเนียม
                ในปี พ.ศ. 2484 เป็นการเริ่มต้นของการผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ด้วยธาตุ ซิลิกอน โมเลกุลเดี่ยว ด้วยต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง การใช้งานของแผงเซลแสงอาทิตย์ในช่วงแรก เน้นไปที่การใช้งานในอวกาศ เช่น ใช้กับดาวเทียม
                หลังจากประสบกับปัญหาน้ำมันแพง ใน พ.ศ. 2516 และ 2522 กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจึงหันมาให้ความสนใจในพลังงานแสงอาทิตย์และเริ่มมีการพัฒนาอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากการตีพิมพ์ข้อมูลโลกร้อนของ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์มีปริมาณเพิ่มขี้น 10-20% ทุกปี ในประเทศไทยการติดตั้งเพิ่มขึ้นอีกมากเริ่มจากปี 2553 โดยเริ่มมีการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2526 จนถึงปี 2553 มียอดติดตั้งรวม 100.39 MW แจกจ่ายไฟฟ้า(เฉพาะเชื่อมกับสายส่งของ กฟผ แล้ว) ทั้งปี 2553 รวม 21.6 GWh หรือ 0.0134% ของปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 161,350 GWh โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ผลิตไฟฟ้าได้ 2.2 GWh ผู้ผลิตรายย่อย 19.4 GWh
             

การเกิดรุ้งกินนำ

การเกิดรุ้งกินนำ

รุ้งกินน้ำ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลังจากฝนตก โดยเกิดขึ้นจากแสงแดดส่องผ่านละอองน้ำในอากาศ ทำให้แสงสีต่าง ๆ เกิดการหักเหขึ้น จึงเห็นเป็นแถบสีต่าง ๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า รุ้งปฐมภูมิจะประกอบด้วยสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง โดยมีสีม่วงอยู่ชั้นในสุดและสีแดงอยู่ชั้นนอกสุด ส่วนรุ้งทุติยภูมิจะมีสีเช่นเดียวกันแต่เรียงลำดับในทิศทางตรงกันข้ามการมองเห็น


การมองเห็น
เราสามารถมองเห็นรุ้งกินน้ำได้เมื่อมีละอองน้ำในอากาศและมีแสงอาทิตย์ส่องมาจากด้านหลังของผู้สังเกตการณ์ในมุมที่สูงจากพื้นไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่รุ้งกินน้ำจะปรากฏให้เห็นชัดเจนเมื่อท้องฟ้าส่วนมากค่อนข้างมืดครึ้มด้วยเมฆฝน ส่วนผู้สังเกตการณ์อยู่ในที่พื้นที่สว่างซึ่งมีแสงส่องจากดวงอาทิตย์ จะทำให้มองเห็นรุ้งกินน้ำพาดผ่านฉากหลังสีเข้มปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำยังอาจพบเห็นได้ในบริเวณใกล้กับน้ำตกและน้ำพุ หรืออาจสร้างขึ้นเองได้โดยการพ่นละอองน้ำไปในอากาศกลางแสงแดด รุ้งกินน้ำยังอาจเกิดจากแสงอื่นนอกจากแสงอาทิตย์ ในคืนที่แสงจันทร์มีความสว่างมากๆ อาจทำให้เกิดรุ้งกินน้ำก็ได้ เรียกว่า moonbow แต่ภาพรุ้งที่เกิดขึ้นจะค่อนข้างจางมองเห็นได้ไม่ชัด และมักมองเห็นเป็นสีขาวมากกว่าจะเห็นเป็นเจ็ดสีการถ่ายภาพวงโค้งสมบูรณ์ของรุ้งกินน้ำทำได้ยาก เพราะจำเป็นต้องกระทำในมุมมองประมาณ 84° ถ้าใช้กล้องถ่ายภาพแบบปกติ (35 mm) จะต้องใช้เลนส์ขนาดความยาว 19 mm หรือเลนส์ไวด์แองเกิลจึงจะใช้ได้ ถ้าผู้สังเกตการณ์อยู่บนเครื่องบิน อาจมีโอกาสมองเห็นรุ้งกินน้ำแบบเต็มวงได้ โดยมีเงาของเครื่องบินอยู่ที่ศูนย์กลางวงกระบวนการเกิดรุ้งกินน้ำในธรรมชาติ เป็นอย่างนี้นะครับ
แสงเดินทางมาถึงหยดน้ำแสงเกิดการหักเห เนื่องจากมีการเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่มีความหนาแน่นต่างกัน (จากอากาศสู่น้ำ) โดยแสงสีน้ำเงินจะหักเหมากกว่าแสงสีแดงแสงเกิดการสะท้อนภายในหยดน้ำ เนื่องจากผิวภายในของหยดน้ำ มีความโค้งและผิวคล้ายกระจกแสงเกิดการหักเห จากภายในหยดน้ำผ่านสู่อากาศอีกครั้งเมื่อดูโดยรวม มุมสะท้อนของแสงสีแดง คือ 42 องศา ในขณะที่มุมสะท้อนของ แสงสีน้ำเงิน คือ 40 องศา

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

พืชชอบแสง


พืชชอบแสง


อากาศบ้านเรามีแต่ร้อนกับร้อนมาก ฝนตกประปราย และลมหนาวพัดมานิดหน่อย จะให้เอาไม้เมืองหนาวมาปลูกก็คงจะโตยากหรืออาจไม่แข็งแรงเท่า จะดีกว่าไหมหากลองหันมาดูไม้ประดับสำหรับจัดสวนเมืองร้อนหรือสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศของบ้านเรา เพราะความสวยงามของไม้เมืองร้อนก็ไม่ได้น้อยไปกว่าไม้เมืองหนาวเลยจริง ๆ ขนาดไม้ประดับก็ยังมีสีสันให้เชยชมชื่นใจ ด้วยต้นไม้จัดสวน 10 ชนิดที่เหมาะแก่การจัดสวนในบ้านเรามากที่สุด

ต้นไม้จัดสวน 10 ไม้ประดับทนแดดสำหรับจัดสวนหน้าบ้าน

1. โกสน

          โกศลเป็นไม้ประดับมงคลที่อยู่ในตระกูลเดียวกับโป๊ยเซียน ลักษณะเป็นทรงพุ่ม ใบเรียวยาว และมีสีสันแตกต่างกันออกไป คนไทยสมัยก่อนเชื่อว่าหากบ้านไหนปลูกโกสนไว้ก็เท่ากับการสร้างบุญสร้างกุศลจะส่งผลให้อยู่เย็นเป็นสุข นอกจากนี้โกสนยังช่วยดูดซับสารพิษโดยรอบได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การนำมาจัดสวนหน้าบ้านเพราะเป็นพืชที่ชอบแสงแดดจัด ดูแลด้วยการรดน้ำให้เยอะ 1 ครั้งต่อวัน หมั่นเติมปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกในบริเวณโคนต้นเพียงเดือนละ 1 ครั้ง

ต้นไม้จัดสวน 10 ไม้ประดับทนแดดสำหรับจัดสวนหน้าบ้าน

2. เฟิร์น

          หากพูดถึงไม้ประดับที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านดูเขียวขจีเหมือนป่าแล้วละก็ต้องนึกถึง เฟิร์น เป็นอันดับแรก ซึ่งแบ่งออกเป็นหลากหลายสายพันธุ์และยังเป็นไม้มงคลยอดนิยมที่ช่วยเสริมเกียรติยศของครอบครัวได้อีกด้วย จะใส่กระถางแขวนหรือปลูกลงดินก็ควรให้อยู่ในที่ที่มีแดดรำไรและมีความชื้นสูงเล็กน้อย ดูแลด้วยการรดน้ำให้ชุ่มทุกวันแต่อย่ารดน้ำเยอะจนแฉะ จากนั้นนำซากใบไม้มาคลุมหน้าดินป้องกันความชื้นระเหย นอกจากนี้ควรละลายปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกกับน้ำรดลงไปที่โคนต้นเดือนละครั้งพร้อมกับตัดเล็มส่วนที่เน่าทิ้งไปอย่างสม่ำเสมอ

ต้นไม้จัดสวน 10 ไม้ประดับทนแดดสำหรับจัดสวนหน้าบ้าน
3. หมากผู้หมากเมีย

          หมากผู้หมากเมียเป็นไม้ประดับที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสวนไม้ประดับทั่ว ๆ ไปได้ เนื่องจากเป็นพืชใบที่มีสีสันสวยงาม มีลักษณะทรงพุ่ม ใบเรียวยาว และส่งกลิ่นหอมในตอนกลางคืน หมากผู้หมากเมียปลูกง่าย ดูแลง่ายเพียงแค่ตั้งให้โดนแดดรำไร และรดน้ำแต่พอดีเพื่อป้องกันน้ำขัดในดินจนรากเน่าเสีย นอกจากนี้ควรหมั่นใส่ปุ๋ยบำรุงทุก 3 เดือน

ต้นไม้จัดสวน 10 ไม้ประดับทนแดดสำหรับจัดสวนหน้าบ้าน

4. บอนสี

          ขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งใบไม้” ขนาดนี้จะไม่นำมาเสนอก็คงเป็นไปไม่ได้ บอนสีมีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ เป็นไม้มงคลที่จะช่วยคุ้มครองให้คนในบ้านอยู่อาศัยอย่างมีความสุขและร่มเย็น มีความสูงตั้งแต่ 0.5-1 เมตร ลักษณะใบแผ่กว้างและยาว มีสีสันและลวดลายสวยงาม ส่วนการดูแลจะต้องตั้งในทิศทางที่แดดรำไร รดน้ำมากแต่ต้องไม่แฉะจนเกินไปทั้งเช้าและเย็น เพราะต้องอาศัยความชื้นควบคุมอุณหภูมิขณะสร้างเม็ดสีจากแสงแดด

ต้นไม้จัดสวน 10 ไม้ประดับทนแดดสำหรับจัดสวนหน้าบ้าน
 

ทดลองวิทยาศาสตร์อย่างง่าย

ทดลองวิทยาศาสตร์อย่างง่าย

เปลวไฟลอยน้ำ




สิ่งที่ต้องใช้

  • เทียนไข
  • แก้วทรงสูงใส่น้ำ (ต้องสูงกว่าความยาวเทียนนะ)
  • หมุดหัวหมวก หรือตะปูเกลียวตัวเล็กๆ

วิธีทดลอง

  • เติมน้ำลงในแก้ว 5/6 แก้ว 
  • นำหมุดมาปักลงที่ฐานเทียนไข(ด้านป้าน)
  • นำแท่งเทียนใส่ลงไปในแก้วน้ำ แล้วจุดเทียน

พราะอะไรกันนะ

            เทียนไขลอยอยู่ที่ผิวน้ำได้ และไฟก็จะไม่ดับ เพราะเทียนทำจากขี้ผึ้งพาราฟินจึงไม่เปียกน้ำ และหมุดหัวหมวก ทำหน้าที่เป็นจุดรวมน้ำหนักให้อยู่ที่แกนกลางแท่งเทียนจึงไม่เอียงคว่ำ ขี้ผึ้งพาราฟินเป็นไขมันที่ได้จากการกลั่นจากปิโตรเลียมมีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ คล้ายกับขี้ผึ้ง จุดหลอมเหลวที่ 47-64 องศาเซลเซียส ซึ่งขี้ผึ้งพาราฟินบริสุทธิ์จะมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี ไม่ละลายน้ำ พาราฟินมักนำมาทำเทียนไข หรือเคลือบวัสดุต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนความชื้นจากน้ำ

 




 ความลับของสี






สีต่างๆที่เราเห็น ไม่ได้ประกอบด้วยสีเดียวเสมอไปนะ  ในแต่ละสีอาจมีรวมกันอยู่ถึง 4 สี เรามาทดลองเพื่อเผยความลับของสีกันเถอะ
สิ่งที่ต้องใช้

  • สีเมจิ สีดำ , น้ำเงิน , น้ำตาล (สีเข้มๆจะให้ผลการทดลองที่น่าตื่นเต้น)
  • กระดาษกรองกาแฟ , กรองตะกอนน้ำมัน
  • แก้วใส่น้ำ

วิธีทดลอง

    • ตัดกระดาษกรองเป็นแถบยาวๆ
    • ระบายสีเมจิที่ต้องการทดสอบให้เป็นแถบหนา โดยห่างจากปลายกระดาษประมาณ 1 ซม.
    • จุ่มปลายกระดาษในช่วงที่เว้นไว้ 1ซม. ลงในน้ำ *ระวังอย่าให้เส้นสีที่ขีดไว้จมน้ำ เพราะสีจะลายลายลงน้ำ
    • รอดู สังเกตแถบสีที่เริ่มไต่สูงขึ้นไปบนกระดาษกรอง  เธอเห็นสีอะไรซ่อนอยู่?
    • นำกระดาษไปหนีบผึ่งไว้กับที่ตากถุงเท้า แล้วทดลองสีต่อไป

เพราะอะไรกันนะ

                สีสังเคราะห์เกิดจากการผสมของแม่สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน ในอัตราส่วนไม่เท่ากัน ทำให้เกิดสีต่างๆมากมาย  การแยกสีด้วยกระดาษกรองนี้ เราเรียกว่า "เปอเปอร์โครมาโทกราฟี" (Paper Chromatography) ซึ่งเป็นการแยกสารที่ผสมกันในปริมาณน้อยให้แยกออกมาเป็นแถบเส้นสีหรือแถบสี อาศัยสมบัติ 2 ประการ คือ 
    1. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการละลายในตัวทำละลาย (น้ำ) ได้ต่างกัน

    2. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการถูกดูดซับด้วยตัวดูดซับ (กระดาษกรอง)ได้ต่างกัน
 
สารที่ละลายในตัวทำละลายได้ดีส่วนมากจะถูกดูดซับไม่ดี จึงเคลื่อนที่ไปได้ไกล ส่วนสารที่ละลายในตัวทำละลายได้ไม่ดี ส่วนมากจะถูกดูดซับได้ดีจึงอยู่ใกล้จุดเริ่มต้น



ไข่เอย..จงนิ่ม





สิ่งที่ต้องใช้

  • แก้ว 1 ใบ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำส้มสายชู

วิธีทดลอง

  • นำไข่ไก่ใส่ลงไปในแก้ว
  • เทน้ำส้มสายชูลงไปให้ท่วมไข่
  • ทิ้งไว้ 1 คืน  อดใจรอนะพอตอนเช้าเทน้ำออกก็แล้วลองจับไข่ดูซิ..
เพราะอะไรกันนะ

น้ำส้มสายชูเป็นสารเคมีประเภทกรดอินทรีย์ ได้แก่ กรดน้ำส้มหรือกรดอะซิติก ซึ่งสามารถละลายแคลเซียมได้ เปลือกไข่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เปลือกไข่แข็ง  เมื่อถูกละลายหายไป เปลือกไข่จึงนิ่ม