ทดลองวิทยาศาสตร์อย่างง่าย
เปลวไฟลอยน้ำ
สิ่งที่ต้องใช้
- เทียนไข
- แก้วทรงสูงใส่น้ำ (ต้องสูงกว่าความยาวเทียนนะ)
- หมุดหัวหมวก หรือตะปูเกลียวตัวเล็กๆ
วิธีทดลอง
- เติมน้ำลงในแก้ว 5/6 แก้ว
- นำหมุดมาปักลงที่ฐานเทียนไข(ด้านป้าน)
- นำแท่งเทียนใส่ลงไปในแก้วน้ำ แล้วจุดเทียน
เพราะอะไรกันนะ
เทียนไขลอยอยู่ที่ผิวน้ำได้ และไฟก็จะไม่ดับ เพราะเทียนทำจากขี้ผึ้งพาราฟินจึงไม่เปียกน้ำ และหมุดหัวหมวก ทำหน้าที่เป็นจุดรวมน้ำหนักให้อยู่ที่แกนกลางแท่งเทียนจึงไม่เอียงคว่ำ ขี้ผึ้งพาราฟินเป็นไขมันที่ได้จากการกลั่นจากปิโตรเลียมมีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ คล้ายกับขี้ผึ้ง จุดหลอมเหลวที่ 47-64 องศาเซลเซียส ซึ่งขี้ผึ้งพาราฟินบริสุทธิ์จะมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี ไม่ละลายน้ำ พาราฟินมักนำมาทำเทียนไข หรือเคลือบวัสดุต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนความชื้นจากน้ำ
ความลับของสี
สีต่างๆที่เราเห็น ไม่ได้ประกอบด้วยสีเดียวเสมอไปนะ ในแต่ละสีอาจมีรวมกันอยู่ถึง 4 สี เรามาทดลองเพื่อเผยความลับของสีกันเถอะ
สิ่งที่ต้องใช้
- สีเมจิ สีดำ , น้ำเงิน , น้ำตาล (สีเข้มๆจะให้ผลการทดลองที่น่าตื่นเต้น)
- กระดาษกรองกาแฟ , กรองตะกอนน้ำมัน
- แก้วใส่น้ำ
วิธีทดลอง
- ตัดกระดาษกรองเป็นแถบยาวๆ
- ระบายสีเมจิที่ต้องการทดสอบให้เป็นแถบหนา โดยห่างจากปลายกระดาษประมาณ 1 ซม.
- จุ่มปลายกระดาษในช่วงที่เว้นไว้ 1ซม. ลงในน้ำ *ระวังอย่าให้เส้นสีที่ขีดไว้จมน้ำ เพราะสีจะลายลายลงน้ำ
- รอดู สังเกตแถบสีที่เริ่มไต่สูงขึ้นไปบนกระดาษกรอง เธอเห็นสีอะไรซ่อนอยู่?
- นำกระดาษไปหนีบผึ่งไว้กับที่ตากถุงเท้า แล้วทดลองสีต่อไป
เพราะอะไรกันนะ
สีสังเคราะห์เกิดจากการผสมของแม่สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน ในอัตราส่วนไม่เท่ากัน ทำให้เกิดสีต่างๆมากมาย การแยกสีด้วยกระดาษกรองนี้ เราเรียกว่า "เปอเปอร์โครมาโทกราฟี" (Paper Chromatography) ซึ่งเป็นการแยกสารที่ผสมกันในปริมาณน้อยให้แยกออกมาเป็นแถบเส้นสีหรือแถบสี อาศัยสมบัติ 2 ประการ คือ
1. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการละลายในตัวทำละลาย (น้ำ) ได้ต่างกัน
2. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการถูกดูดซับด้วยตัวดูดซับ (กระดาษกรอง)ได้ต่างกัน
สารที่ละลายในตัวทำละลายได้ดีส่วนมากจะถูกดูดซับไม่ดี จึงเคลื่อนที่ไปได้ไกล ส่วนสารที่ละลายในตัวทำละลายได้ไม่ดี ส่วนมากจะถูกดูดซับได้ดีจึงอยู่ใกล้จุดเริ่มต้น
1. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการละลายในตัวทำละลาย (น้ำ) ได้ต่างกัน
2. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการถูกดูดซับด้วยตัวดูดซับ (กระดาษกรอง)ได้ต่างกัน
สารที่ละลายในตัวทำละลายได้ดีส่วนมากจะถูกดูดซับไม่ดี จึงเคลื่อนที่ไปได้ไกล ส่วนสารที่ละลายในตัวทำละลายได้ไม่ดี ส่วนมากจะถูกดูดซับได้ดีจึงอยู่ใกล้จุดเริ่มต้น
ไข่เอย..จงนิ่ม
สิ่งที่ต้องใช้
- แก้ว 1 ใบ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำส้มสายชู
วิธีทดลอง
- นำไข่ไก่ใส่ลงไปในแก้ว
- เทน้ำส้มสายชูลงไปให้ท่วมไข่
- ทิ้งไว้ 1 คืน อดใจรอนะพอตอนเช้าเทน้ำออกก็แล้วลองจับไข่ดูซิ..
น้ำส้มสายชูเป็นสารเคมีประเภทกรดอินทรีย์ ได้แก่ กรดน้ำส้มหรือกรดอะซิติก ซึ่งสามารถละลายแคลเซียมได้ เปลือกไข่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เปลือกไข่แข็ง เมื่อถูกละลายหายไป เปลือกไข่จึงนิ่ม
ดูสีเต้นระบำ
สิ่งที่ต้องใช้
- นมสด
- สีผสมอาหาร 2-3 สี
- น้ำยาล้างจาน
- จานก้นลึก
- eye dropper หรือ cotton bud
- นมสด
- สีผสมอาหาร 2-3 สี
- น้ำยาล้างจาน
- จานก้นลึก
- eye dropper หรือ cotton bud
วิธีทดลอง
- เทนมลงในจาน วางทิ้งไว้ให้น้ำนมนิ่งๆ
- หยดสีผสมอาหารลงไปตรงกลางจาน สีละ 1 หยด
- หยดน้ำยาล้างจานลงไปบนสีผสมอาหาร ไม่ต้องมากนะคะ ทีละ 1 หยด หรือจะใช้ cotton bud ชุบน้ำยาล้างจานจุ่มลงไปตรงกลางสีที่เราหยดไว้ก็ได้ค่ะ
- เทนมลงในจาน วางทิ้งไว้ให้น้ำนมนิ่งๆ
- หยดสีผสมอาหารลงไปตรงกลางจาน สีละ 1 หยด
- หยดน้ำยาล้างจานลงไปบนสีผสมอาหาร ไม่ต้องมากนะคะ ทีละ 1 หยด หรือจะใช้ cotton bud ชุบน้ำยาล้างจานจุ่มลงไปตรงกลางสีที่เราหยดไว้ก็ได้ค่ะ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราจะเห็นสีวิ่งวนไปมา เคลื่อนไหวไปทั่วจาน จากปฏิกริยาของน้ำยาล้างจานกับไขมันในน้ำนม เมื่อสีหยุดวิ่งแล้ว เราสามารถหยดน้ำยาล้างจานลงไปซ้ำได้เรื่อยๆ ค่ะ จนกว่าน้ำสีจะผสมกันจนกลายเป็นสีหม่นๆ รับรองว่าเจ้าตัวเล็กจะต้องบอก เอาอีก เอาอีก และเอาอีก ^.^
เกิดอะไรขึ้น : ใน น้ำนมประกอบไปด้วย น้ำ โปรตีน แร่ธาตุ และไขมัน น้ำยาล้างจานจะไปทำให้โมเลกุลของโปรตีนและไขมันเกิดการเปลี่ยนแปลง และแตกกระจาย โค้ง บิดเบี้ยว ม้วน (ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เราสามารถล้างจานมันๆ ได้อย่างสะอาดหมดจดนั่นเอง) และสีผสมอาหารที่หยดลงไปในนมจะช่วยให้เราสามารถสังเกตุการเปลี่ยนแปลงที่มอง ไม่เห็นนั้นได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น